คำถาม คำตอบ และคำอธิบายสำหรับการรับรองการวัดผลของ Google Ads - Thai
คำถาม คำตอบ และคำอธิบายสำหรับการรับรองการวัดผลของ Google Ads - Thai
Questions;:
นักการตลาดรายหนึ่งต้องการติดตามการสมัครรับจดหมายข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ นักการตลาดจะต้องติดตามการกระทำที่ถือเป็น Conversion ประเภทใด
- การติดตั้งแอป
- การดูหน้าเว็บ
- โอกาสในการขาย
- การซื้อ
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ โอกาสในการขาย เนื่องจากการติดตามการสมัครรับจดหมายข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์นั้นถือเป็นการสร้างความสนใจหรือการมีส่วนร่วมของผู้เยี่ยมชมในผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ ซึ่งการสมัครรับจดหมายข่าวนั้นสามารถมองได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของการมีโอกาสในการขายหรือ Lead ซึ่งนักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคต การติดตามการสมัครรับจดหมายข่าวจึงเป็นการติดตามโอกาสในการขายที่สำคัญ ซึ่งแตกต่างจากการดูหน้าเว็บหรือการติดตั้งแอปที่ไม่ได้นำไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์ที่เฉพาะเจาะจงกับธุรกิจหรือบริการ
ข้อใดต่อไปนี้คือค่าประมาณว่าบัญชี Google Ads มีความพร้อมในการทำงานดีเพียงใด
- คะแนนการเพิ่มประสิทธิภาพ
- คะแนนคุณภาพ
- คะแนนการระบุแหล่งที่มา
- คะแนนคำแนะนำ
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ คะแนนการเพิ่มประสิทธิภาพ เนื่องจากคะแนนการเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization Score) ของบัญชี Google Ads เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้ทราบถึงความพร้อมในการทำงานของบัญชีและประสิทธิภาพโดยรวม ซึ่งจะให้คำแนะนำที่สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพแคมเปญต่างๆ ของผู้ใช้ โดยคะแนนนี้จะพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น การตั้งค่าการโฆษณา, การเลือกคำค้นหา, การใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Google Ads เป็นต้น ในขณะที่คะแนนคุณภาพ, คะแนนการระบุแหล่งที่มา และคะแนนคำแนะนำ ก็มีความสำคัญในบริบทต่างๆ แต่ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินความพร้อมโดยรวมของบัญชีเช่นเดียวกับคะแนนการเพิ่มประสิทธิภาพ
ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดในข้อใดที่ให้ข้อมูลและความยืดหยุ่นสูงสุดแก่ Smart Bidding เพื่อแข่งขันในการประมูลที่เหมาะสม
- การทำงานแบบตรงทั้งหมด
- การทำงานแบบวลี
- การทำงานแบบกว้าง
- การทำงานแบบเชิงลบ
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ การทำงานแบบกว้าง เนื่องจากการทำงานแบบกว้าง (Broad Match) ให้ข้อมูลและความยืดหยุ่นสูงสุดแก่ Smart Bidding เนื่องจากคีย์เวิร์ดในรูปแบบนี้สามารถจับคู่กับคำค้นหาหลายคำและคำที่มีความเกี่ยวข้องได้มากที่สุด ทำให้ระบบสามารถใช้ข้อมูลจากคำค้นหาที่หลากหลายในการประมูลเพื่อแสดงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในประมูลที่เหมาะสมและช่วยให้แคมเปญมีการเข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างขึ้น ในขณะที่การทำงานแบบตรงทั้งหมด, แบบวลี และแบบเชิงลบ จะมีข้อจำกัดในการจับคู่คำค้นหาที่สามารถใช้ได้ และไม่สามารถให้ข้อมูลที่หลากหลายเท่ากับการทำงานแบบกว้าง
ข้อใดคือข้อกำหนดสำหรับการใช้การติดแท็กทั่วเว็บไซต์
- ใช้เพียงส่วนที่เป็นภาพของ JavaScript
- ปิดการติดแท็กอัตโนมัติในบัญชี Google Ads ทั้งหมดที่เปิดใช้สำหรับการติดแท็กทั่วเว็บไซต์
- ตรวจสอบว่าแท็กยังคงทำงานได้อยู่โดยการโหลดแท็กภายในแท็กการติดตามอื่น เช่น Floodlight
- ตรวจสอบว่าหมายเลขระบุคลิกของ Google (GCLID) ยังคงใช้งานได้หากใช้เครื่องมือติดตามคลิกใน URL
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ ตรวจสอบว่าหมายเลขระบุคลิกของ Google (GCLID) ยังคงใช้งานได้หากใช้เครื่องมือติดตามคลิกใน URL เนื่องจากการติดแท็กทั่วเว็บไซต์ต้องการการตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ติดตามและส่งไปยังระบบการวิเคราะห์ต่างๆ เช่น Google Ads หรือ Google Analytics มีความถูกต้องและสมบูรณ์ โดยการตรวจสอบหมายเลข GCLID (Google Click ID) ที่เป็นรหัสที่ Google Ads ใช้ในการติดตามข้อมูลคลิกของผู้ใช้ใน URL เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถติดตามผลของโฆษณาและทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง หาก GCLID ไม่ทำงานอย่างถูกต้อง การติดแท็กทั่วเว็บไซต์จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการในกระบวนการติดตามและวัดผล
เจ้าของธุรกิจรายหนึ่งต้องการใช้ Google Ads เพื่อโฆษณาเว็บไซต์ โดยกำลังพิจารณาการใช้หนึ่งในกลยุทธ์ Smart Bidding ที่ Google มีให้ ข้อใดต่อไปนี้คือกลยุทธ์ Smart Bidding
- CPM ที่มีผู้ชมมองเห็น
- การเสนอราคา CPC ด้วยตนเอง
- CPA เป้าหมาย
- การแสดงผลที่ปรับปรุงแล้ว
คำอธิบาย: คำตอบที่ถูกต้องคือ CPA เป้าหมาย เนื่องจาก CPA เป้าหมาย (Target CPA) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Smart Bidding ที่ Google Ads ให้บริการ ซึ่งช่วยให้นักการตลาดตั้งเป้าหมายค่าใช้จ่ายต่อการกระทำ (Cost Per Action) ที่ต้องการ โดยระบบจะทำการปรับการเสนอราคาอัตโนมัติในแต่ละประมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับค่า CPA เป้าหมายที่กำหนด การใช้กลยุทธ์นี้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการได้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้โดยไม่ต้องจัดการกับการตั้งค่าการเสนอราคาเองเหมือนกับกลยุทธ์ CPC หรือ CPM แบบดั้งเดิม
ข้อใดต่อไปนี้อธิบายจำนวนครั้งที่ผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันจะเห็นโฆษณา 1 รายการในระยะเวลาหนึ่ง
- อัตราการมีส่วนร่วม
- การเข้าถึง
- ความถี่
- การแสดงผล
กลยุทธ์การเสนอราคาแบบต้นทุนต่อคลิกที่ปรับปรุงแล้ว (ECPC) มีลักษณะการทำงานอย่างไร
- ECPC จะพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เป้าหมายที่ระบุ จากนั้นจึงเพิ่มราคาเสนอแบบต้นทุนต่อคลิก (CPC) สูงสุด
- ECPC จะพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เป้าหมายที่ระบุ จากนั้นจึงลดราคาเสนอแบบต้นทุนต่อคลิก (CPC) สูงสุด
- ECPC จะพิจารณาการประมูลเพื่อแสดงโฆษณา จากนั้นจึงลดราคาเสนอแบบต้นทุนต่อคลิก (CPC) สูงสุด
- ECPC จะพิจารณาการประมูลเพื่อแสดงโฆษณา จากนั้นจึงเพิ่มราคาเสนอแบบต้นทุนต่อคลิก (CPC) สูงสุด
กลยุทธ์การเสนอราคาแบบเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุดมีลักษณะการทำงานอย่างไร
- เป็นกลยุทธ์การเสนอราคาที่มีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับธุรกิจทุกประเภทที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา
- มีจุดประสงค์ที่จะทำให้ได้รับผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) โดยเฉลี่ยเท่ากับเป้าหมายที่ต้องการ
- ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อให้ได้รับ Conversion มากที่สุดภายในงบประมาณรายวันที่มี
- จำกัด Conversion ที่ไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเสนอราคาที่ต้องการโดยอัตโนมัติ
เจ้าของธุรกิจรายหนึ่งได้รับการเข้าชมเป็นจำนวนมากจากโฆษณา แต่ Conversion ที่ได้ยังไม่เพียงพอ การดำเนินการในข้อใดที่สามารถทำได้เพื่อปรับปรุงอัตรา Conversion
- ปิดโฆษณาเพื่อหยุดการเข้าชม
- ลดงบประมาณแคมเปญ
- ใช้คีย์เวิร์ดทั่วไปให้มากขึ้น
- เพิ่มคีย์เวิร์ดเชิงลบให้มากขึ้น
ผู้ลงโฆษณาจะตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บได้อย่างไร
- ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บผ่านผู้ช่วยแท็กของ Google
- ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บผ่าน Google Analytics Manager
- ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บผ่าน Google Tag Manager, แท็ก Google หรือ Google Ads API
- ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บผ่าน Google Ads API สำหรับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว
เหตุใดผู้ลงโฆษณาจึงอาจใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย
- เพื่อติดตามยอดขายที่เกิดขึ้นนอกเว็บไซต์จากโอกาสในการขายบนเว็บไซต์
- เพื่อใช้ข้อมูลจากบุคคลที่สามในการปรับปรุงการวัดโอกาสในการขายออฟไลน์
- เพื่อปรับปรุงการวัด Conversion ออนไลน์
- เพื่อติดตามยอดขายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์
การทดสอบส่วนเพิ่มแตกต่างจากการทดสอบ A/B อย่างไร
- การทดสอบทั้งคู่ต้องใช้กลุ่มทดสอบแบบ “เปลี่ยนแนวทาง” เพื่อพิจารณาว่าโฆษณาเวอร์ชันใดที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
- โดยทั่วไปแล้วการทดสอบนี้ต้องการการเก็บตัวอย่างน้อยกว่าและการวิเคราะห์สถิติที่ซับซ้อนน้อยลง
- การทดสอบนี้จะวัดประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องของแคมเปญการตลาดในเวอร์ชันต่างๆ
- การทดสอบนี้จะพิจารณาผลลัพธ์ที่โฆษณามีต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในการทำหรือไม่ทำ Conversion
นักการตลาดควรประเมินแคมเปญอย่างไร
- มุ่งเน้นที่โฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำสุดและลดความถี่ของโฆษณาดังกล่าว แล้วจึงประเมินอีกครั้ง
- ใช้การวิเคราะห์มูลค่าตลอดอายุการใช้งานเพื่อตรวจสอบผลกระทบที่มีต่อเมตริก Brand Lift
- ตรวจสอบว่ามีการใช้งบประมาณทั้งหมดไปกับแคมเปญหรือไม่
- ตรวจสอบว่าผลลัพธ์ของวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงนั้นบรรลุเป้าหมายหรือไม่
รายงานในข้อใดที่ช่วยแสดงระยะเวลาตั้งแต่ที่ผู้ใช้เห็นโฆษณาเป็นครั้งแรกจนถึงเมื่อทำ Conversion ในภายหลัง
- รายงานเวลาหน่วง
- รายงานประวัติการเปลี่ยนแปลง
- รายงานการนำทาง
- รายงานฤดูกาล
แนวทางปฏิบัติในข้อใดที่คุณต้องการใช้สำหรับการนำข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดไปใช้งานจริง
- ย้ายงบประมาณจากช่องทางที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมมาให้ช่องทางที่มีประสิทธิภาพต่ำ
- เพิ่มการลงทุนในช่องทางที่มีประสิทธิภาพต่ำ
- มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับข้อความที่แชร์ในเส้นทางการซื้อขั้นนั้น
- เพิ่มความถี่ของครีเอทีฟโฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำ
หน้าคำแนะนำในบัญชี Google Ads ช่วยในเรื่องประสิทธิภาพของแคมเปญได้ 2 ทาง ได้แก่อะไรบ้าง เลือก 2 คำตอบ
- ช่วยเพิ่มงบประมาณสูงสุดโดยการปรับปรุงการเสนอราคาและคีย์เวิร์ด
- เพิ่มงบประมาณหากคุณเลือกใช้คำแนะนำโดยอัตโนมัติ
- เพิ่มระยะเวลาและความพยายามที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ
- ให้คุณได้รู้จักฟีเจอร์และเทรนด์ใหม่ๆ บน Google
หากผู้ลงโฆษณาใช้ฟีเจอร์การวัด Conversion การโทรของ Google ระบบจะติดตามการโทรในบัญชีของผู้ลงโฆษณาอย่างไร
- ติดตามการโทรโดยใช้หมายเลขระบุคลิกของ Google (GCLID) ที่กำหนดซึ่งตั้งค่าไว้ในบัญชีของผู้ลงโฆษณา
- ติดตามการโทรโดยใช้หมายเลขโอนสายของ Google ที่สร้างขึ้นแบบไดนามิก
- ติดตามการโทรโดยใช้ชื่อ Conversion สำหรับร้านค้าของผู้ลงโฆษณา
- ติดตามการโทรโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ร้านค้าอย่างเป็นทางการของผู้ลงโฆษณา
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดรายหนึ่งกำลังดูรายงานแคมเปญในบัญชี Google Ads หลังจากนำแท็กเครื่องมือวัด Conversion ไปใช้กับเว็บไซต์ของตนเรียบร้อยแล้ว และพบว่าโฆษณาอย่างน้อย 2 ชิ้นสร้าง Conversion การดูผ่านได้มากกว่า 100 รายการ การกระทำในข้อใดต่อไปนี้ถือเป็น Conversion การดูผ่าน
- การกระทำที่เกิดในร้านค้าเท่านั้น และไม่ได้กำหนดให้ลูกค้าต้องโต้ตอบกับโฆษณา
- ลูกค้าดูแต่ไม่ได้โต้ตอบกับโฆษณา แล้วทำ Conversion บนเว็บไซต์ในภายหลัง
- มีเฉพาะ Conversion จากเบราว์เซอร์ที่ไม่อนุญาตคุกกี้ข้ามเว็บไซต์
- ลูกค้าดูและโต้ตอบกับโฆษณา แต่ไม่ได้ทำ Conversion บนเว็บไซต์
การเพิ่มประสิทธิภาพ 2 ประเภทมีอะไรบ้าง เลือก 2 คำตอบ
- การเพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา
- การเพิ่มประสิทธิภาพช่องทาง
- การเพิ่มประสิทธิภาพสื่อผสม
- การเพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดเป้าหมาย
แพลตฟอร์มใดที่ใช้ข้อมูลที่อิงจากเหตุการณ์แทนข้อมูลที่อิงตามเซสชัน
- Google Analytics 4
- Universal Analytics
- เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads
- Google Analytics แบบคลาสสิก
ในแง่ของการโฆษณา การระบุแหล่งที่มาคืออะไร
- การพิจารณาต้นทุนของแต่ละชิ้นงานที่ใช้ในแคมเปญการตลาด
- การพิจารณาปริมาณต้นทุนที่แต่ละช่องทางต้องการ
- การพิจารณาจำนวนเครดิตที่แต่ละขั้นในกระบวนการควรได้รับ
- การพิจารณาจำนวนเครดิตที่จะมอบให้ลูกค้าสำหรับการแนะนำลูกค้าใหม่
ข้อใดคือความสามารถ 2 อย่างของ Google Tag Manager เลือก 2 คำตอบ
- ช่วยให้คุณอัปเดตแท็กในเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จากอินเทอร์เฟซเว็บได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- เป็นเฟรมเวิร์ก JavaScript ที่ใช้ในการเพิ่มแท็ก Google ลงในหน้าเว็บโดยตรง
- มีความสามารถในการทำงานร่วมกันและการกำหนดเวอร์ชัน
- สามารถใช้ได้เฉพาะกับการปรับใช้และแก้ไขแท็กจากบุคคลที่สาม
เมื่อแคมเปญโฆษณาได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพโดย AI ของ Google นั่นหมายความว่าอย่างไร
- แคมเปญจะใช้การระบุแหล่งที่มาและซอฟต์แวร์ที่อิงตามกฎเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่เหมาะกับ AI ตามที่ต้องการ เพื่อสร้างอิทธิพลต่อกระบวนการและหลีกเลี่ยงการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับผลลัพธ์เหล่านั้น
- แคมเปญจะใช้งานพื้นฐานแล้วตามด้วยซอฟต์แวร์ เพื่อทำให้งานเหล่านั้นดำเนินการโดยอัตโนมัติ และกระบวนการมีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด
- แคมเปญจะใช้การระบุแหล่งที่มาโดยอิงตามข้อมูลเพื่อทำให้งานดำเนินการโดยอัตโนมัติ และกระบวนการมีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด
- แคมเปญจะใช้ AI และเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อคาดการณ์สิ่งที่จะทำให้บรรลุผลลัพธ์ด้าน Conversion ที่ดีที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา ครีเอทีฟโฆษณา และอื่นๆ
ศักยภาพ AI ของ Google จะช่วยผู้ลงโฆษณาได้อย่างไร
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์
- ช่วยลดปริมาณ Conversion จากการค้นหา
- ช่วยลดข้อมูลเชิงลึกทางการตลาด
- ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้โซลูชันการวิเคราะห์
นักวางกลยุทธ์การตลาดรายหนึ่งสนใจการเสนอราคา ROAS เป้าหมาย เอเจนซีจะอธิบายถึงกลยุทธ์การเสนอราคานี้ได้อย่างไร
- กลยุทธ์การเสนอราคานี้จะใช้ข้อมูลย้อนหลังและข้อมูลที่อัปโหลดเพื่อกำหนดมูลค่าของ Conversion ทุกครั้งที่ผู้ใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่กำลังโฆษณา จากนั้นจะปรับราคาเสนอให้กับโฆษณาเหล่านี้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด
- หากกลยุทธ์การเสนอราคานี้พิจารณาแล้วว่าการค้นหาของผู้ใช้มีแนวโน้มจะสร้าง Conversion ที่มีมูลค่าสูง ROAS เป้าหมายจะเสนอราคาต่ำสำหรับการค้นหานั้น
- หากกลยุทธ์การเสนอราคานี้พิจารณาแล้วว่าการค้นหาของผู้ใช้มีแนวโน้มจะสร้าง Conversion ที่มีมูลค่าต่ำ ROAS เป้าหมายจะเสนอราคาสูงสำหรับการค้นหานั้น
- กลยุทธ์การเสนอราคานี้จะวิเคราะห์และคาดการณ์มูลค่าของ Conversion ที่เป็นไปได้อย่างชาญฉลาดทุกครั้งที่ผู้ใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่กำลังโฆษณา จากนั้นจะปรับราคาเสนอให้กับการค้นหาเหล่านี้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด
นอกจากระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion แล้ว ปัจจัยอื่นๆ อีก 3 ข้อที่มีอิทธิพลต่อปริมาณ Conversion มีอะไรบ้าง เลือก 3 คำตอบ
- การเปลี่ยนแปลงของเบราว์เซอร์เริ่มต้น
- การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการระบุแหล่งที่มา
- การเปลี่ยนแปลงของการแข่งขันหรือฤดูกาล
- การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบความคลาดเคลื่อน
- การเปลี่ยนแปลงของโฆษณา
ข้อใดคือตัวอย่างของแคมเปญที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
- แคมเปญวิดีโอที่ต้องการเพิ่มความชื่นชอบแบรนด์ 5% และความชื่นชอบแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นจริงอยู่ที่ 5%
- แคมเปญ Search ที่ต้องการให้มีผลตอบแทนจากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น ฿1,503.6 และผลตอบแทนจากค่าโฆษณาที่ได้จริงอยู่ที่ ฿300
- แคมเปญอีเมลรีมาร์เก็ตติ้งที่ต้องการเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ 5% และการรับรู้ถึงแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นจริงอยู่ที่ 12%
- แคมเปญ Display ที่ต้องการเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ 10% และการรับรู้ถึงแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นจริงอยู่ที่ 20%
นอกจากการระบุแหล่งที่มา วิธีการใดอีกบ้างที่ใช้วิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สำหรับสื่อ
- Conversion Lift
- Marketing Mix Model
- Smart Bidding
- CPM ที่มีผู้ชมมองเห็น
คุณควรทำอย่างไรเมื่อต้องกำหนดมูลค่าของการกระทำที่ถือเป็น Conversion ออนไลน์
- ไม่ว่ามูลค่าของโอกาสในการขายจะเป็นเท่าใด ให้กำหนดมูลค่าเป็น ฿0 เสมอ
- หากมูลค่าโดยเฉลี่ยของโอกาสในการขายคือ ฿600 ให้กำหนดมูลค่าเป็น ฿600
- หากมูลค่าโดยเฉลี่ยของโอกาสในการขายคือ ฿600 ให้กำหนดมูลค่าเป็น ฿6,000
- ไม่ว่ามูลค่าของโอกาสในการขายจะเป็นเท่าใด ให้กำหนดมูลค่าเป็น ฿30 เสมอ
นักวิเคราะห์การตลาดรายหนึ่งกำลังวิเคราะห์ข้อมูล Conversion ของแคมเปญโฆษณา Search ใน Google Ads โดยต้องการเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการระบุแหล่งที่มาอาจส่งผลต่อการรายงาน Conversion อย่างไรบ้าง รายงานในข้อใดที่จะให้ข้อมูลดังกล่าวได้
- รายงานแคมเปญ
- รายงาน Conversion
- รายงานการวิเคราะห์คลิก
- รายงานการระบุแหล่งที่มา
ข้อใดที่ Google Analytics 4 เรียกว่าการโต้ตอบบนเว็บไซต์หรือแอป
- Conversion
- เป้าหมาย
- กิจกรรม
- เหตุการณ์
Conversion การดูผ่านมีวิธีการนับอย่างไร
- มีการนับเป็น Conversion ที่ได้รับการบันทึกเมื่อผู้ใช้ดูและโต้ตอบกับโฆษณา แต่ไม่ได้ทำ Conversion เลย
- มีการนับเป็น Conversion ที่ได้รับการบันทึกเมื่อผู้ใช้เดิมดูแต่ไม่ได้โต้ตอบกับโฆษณา แล้วทำ Conversion ในภายหลัง
- มีการนับเป็น Conversion ที่ได้รับการบันทึกเมื่อผู้ใช้ใหม่ดูและโต้ตอบกับโฆษณา แล้วทำ Conversion ในภายหลัง
- มีการนับเป็น Conversion ที่ได้รับการบันทึกเมื่อผู้ใช้ดูแต่ไม่ได้โต้ตอบกับโฆษณา แล้วทำ Conversion ในภายหลัง
คุณเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อ “ครัวริมทะล” บนเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ลูกค้ารายหนึ่งพบเว็บไซต์ของคุณโดยการคลิกที่โฆษณาหลังจากค้นหาด้วยคำว่า “ร้านอาหารระยอง” “ร้านอาหารเกาะเสม็ด” “ร้านอาหารเกาะเสม็ด 3 ดาว” และ “ร้านอาหารครัวริมทะเล เกาะเสม็ด 3 ดาว” ลูกค้าทำการจองหลังจากคลิกโฆษณาที่ปรากฏขึ้นในการค้นหา “ร้านอาหารครัวริมทะเล เกาะเสม็ด 3 ดาว” เมื่อใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาโดยอิงตามข้อมูล คีย์เวิร์ดในข้อใดที่จะได้รับเครดิตสำหรับ Conversion
- คีย์เวิร์ดแรกจะได้รับการระบุแหล่งที่มา Conversion ดังนั้นคีย์เวิร์ดแรกจะได้รับเครดิต 100% สำหรับ Conversion
- Conversion จะได้รับการระบุแหล่งที่มาจากคีย์เวิร์ดแต่ละรายการเท่าๆ กัน ดังนั้นคีย์เวิร์ดแต่ละรายการจะได้รับส่วนแบ่งเครดิตเท่ากัน (เช่น รายการละ 25%) สำหรับ Conversion
- คีย์เวิร์ดสุดท้ายจะได้รับการระบุแหล่งที่มา Conversion ดังนั้นคีย์เวิร์ดสุดท้ายจะได้รับเครดิต 100% สำหรับ Conversion
- Conversion จะได้รับการระบุแหล่งที่มาจากคีย์เวิร์ดแต่ละรายการตามสัดส่วน ดังนั้นคีย์เวิร์ดแต่ละรายการจะได้รับเครดิตตามปริมาณการมีส่วนทำให้เกิด Conversion
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดรายหนึ่งตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion และต้องการเพิ่มคอลัมน์สำหรับมูลค่า Conversion ต่อต้นทุน มูลค่าดังกล่าวมีการคำนวณอย่างไร
- คำนวณโดยการหารมูลค่า Conversion ทั้งหมดด้วยตัวเลขในคอลัมน์ Conversion
- คำนวณโดยการหารตัวเลขในคอลัมน์ Conversion ด้วยการโต้ตอบทั้งหมดที่มีสิทธิ์
- คำนวณโดยการหารมูลค่า Conversion ทั้งหมดด้วยต้นทุนรวมของการโต้ตอบกับโฆษณาทั้งหมด
- คำนวณโดยการหารต้นทุนรวมด้วยตัวเลขในคอลัมน์ Conversion
ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ารายหนึ่งต้องการซื้อรถคันใหม่ กิจกรรมใดที่ระบุให้ทราบว่าลูกค้าอยู่ในขั้นการรับรู้
- การเลือกดูรถจากโฆษณาออนไลน์
- การแนะนำรถบนโซเชียลมีเดีย
- การโทรสอบถามเกี่ยวกับการทดลองขับ
- การกรอกแบบฟอร์มสมัครรับข้อมูลทางอีเมล
ข้อใดต่อไปนี้อธิบายเกณฑ์สำหรับเครื่องมือวัด Conversion การเข้าชมร้านค้า
- เครื่องมือวัด Conversion การเข้าชมร้านค้าต้องใช้ข้อมูลที่เพียงพอเพื่อรายงานการเข้าชมร้านค้าอย่างถูกต้อง และเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ความเป็นส่วนตัวของ Google
- เครื่องมือวัด Conversion การเข้าชมร้านค้ามีให้บริการสำหรับธุรกิจทุกประเภท แต่ใช้ได้ในบางประเทศเท่านั้น
- เครื่องมือวัด Conversion การเข้าชมร้านค้าไม่มีข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับการแสดงผลหรือการคลิก
- เครื่องมือวัด Conversion การเข้าชมร้านค้ามีให้บริการในทุกประเทศและภูมิภาคตราบใดที่ไม่ใช่ประเภทธุรกิจหรือบัญชีที่มีความละเอียดอ่อน
นักการตลาดรายหนึ่งเพิ่มแท็กเครื่องมือวัด Conversion ไปยังหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ของบริษัท เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อ พบว่ามี Conversion ที่ซ้ำกัน นักการตลาดจะนำ Conversion ที่ซ้ำกันออกจากจำนวน Conversion ได้อย่างไร
- แก้ไขแท็กเหตุการณ์เพื่อบันทึกรหัสคำสั่งซื้อที่ไม่ซ้ำกัน
- ปิดใช้คอลัมน์ข้อมูล Conversion การดูผ่าน
- ปิดตัวเลือกที่อาจซ้ำกันที่ด้านบนของแผนภูมิ
- จัดเรียงข้อมูลตามเวลาและนำเวลาที่ซ้ำกันในรายการออก
คุณได้รับการว่าจ้างให้เป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยเจ้าของร้านค้าออนไลน์ คุณจำเป็นต้องดำเนินการนำแท็กเครื่องมือวัด Conversion ไปใช้กับเว็บไซต์ให้เสร็จสมบูรณ์ ผู้ช่วยแท็กจะช่วยคุณเรื่องนี้ได้อย่างไร
- ช่วยสร้างแท็กหมายเลขระบุคลิกของ Google (GCLID)
- ช่วยแก้ปัญหาการกระทำที่ถือเป็น Conversion ซึ่งไม่ได้รับการยืนยัน
- ช่วยสร้างข้อมูลโค้ดของแท็กโดยอัตโนมัติ
- ช่วยระบุรายงาน Google Analytics ที่ไม่ถูกต้อง
การทดสอบช่วยให้คุณมีวิธีการวัดผลที่ดีที่สุดได้อย่างไร
- การทดสอบช่วยกำหนดเครดิตให้ทัชพอยต์ต่างๆ
- การทดสอบจะใช้เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านงบประมาณระดับมหภาค
- การทดสอบช่วยในการเก็บรวบรวมจุดข้อมูลต่างๆ
- การทดสอบเป็นวิธีการตรวจสอบและทดสอบข้อมูลเชิงลึก
เมตริกใดที่บอกให้คุณทราบถึงความถี่โดยเฉลี่ยที่การคลิกโฆษณาหรือการโต้ตอบแบบอื่นๆ กับโฆษณาทำให้เกิด Conversion
- อัตรา Conversion
- มูลค่า Conversion ต่อต้นทุน
- มูลค่า Conversion ต่อคลิก
- ต้นทุนต่อ Conversion
ข้อใดต่อไปนี้อธิบายว่าเหตุใดวันที่ของ Conversion อาจมีความแตกต่างกันระหว่างใน Google Ads และ Google Analytics
- Google Ads ระบุแหล่งที่มาของ Conversion เป็นวันที่ที่เกิด Conversion ไม่ใช่วันที่ของการคลิกที่ทำให้เกิด Conversion
- Google Analytics ระบุแหล่งที่มาของ Conversion เป็นวันที่ที่เกิด Conversion ไม่ใช่วันที่ของการแสดงผลที่ทำให้เกิด Conversion
- Google Analytics ระบุแหล่งที่มาของ Conversion เป็นวันที่ของการแสดงผลที่ทำให้เกิด Conversion
- Google Analytics ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของ Conversion เป็นวันที่สำหรับการแสดงผล ขณะที่ Google Ads ทำได้
ข้อใดคือประโยชน์ของการนำเข้า Conversion ของ Google Analytics ไปยัง Google Ads
- ความสามารถในการให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลแก่ Google Ads ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา
- ความสามารถในการลิงก์บัญชีใน Google Analytics โดยไม่ต้องมีการติดแท็กอัตโนมัติ
- ความสามารถในการดูข้อมูลย้อนหลังที่มีก่อนนำเข้า
- ความสามารถในการทำให้ส่งข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งจากเว็บไซต์ได้
ข้อใดต่อไปนี้ที่จะใช้อธิบาย Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขายได้
- ต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลหมายเลขระบุคลิกของ Google (GCLID)
- ใช้ข้อมูลจากบุคคลที่สาม
- ต้องแก้ไขระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)
- ใช้ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งซึ่งผ่านการแฮชแล้ว
นักวางกลยุทธ์การตลาดรายหนึ่งสนใจ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บ เอเจนซีควรอธิบายฟีเจอร์นี้อย่างไร
- Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บใช้ Google Analytics เพื่อปลดล็อกการเสนอราคาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บใช้ข้อมูลจากบุคคลที่สามเพื่อปรับปรุงความแม่นยำของการวัด Conversion
- Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บใช้ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งซึ่งผ่านการแฮชแล้วเพื่อปลดล็อกการเสนอราคาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บใช้ข้อมูลจากบุคคลที่สามเพื่อปลดล็อกการเสนอราคาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อใดคือความหมายของแท็กที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาดิจิทัล
- แท็กคือข้อมูลโค้ดขนาดใหญ่ที่ใส่ไว้ในหน้าแรกของเว็บไซต์
- แท็กคือข้อมูลโค้ดสั้นๆ ที่ใส่ไว้ในทุกๆ หน้าของเว็บไซต์
- แท็กคือข้อมูลโค้ดขนาดใหญ่ที่ใส่ไว้ในหน้า Conversion ของเว็บไซต์
- แท็กคือข้อมูลโค้ดสั้นๆ ที่ใส่ไว้ในหน้า Conversion ของเว็บไซต์
ข้อใดต่อไปนี้คือขั้นตอนแรกในการตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion
- แก้ไขแท็กสำหรับเว็บไซต์หรือแอปหลังจากขอแท็กจากผู้ดูแลเว็บ
- ตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion ใน Google Ads เพื่อวัดสิ่งที่คุณพิจารณาว่าเป็นการกระทำที่มีคุณค่าของผู้บริโภค
- เพิ่มแท็กเครื่องมือวัด Conversion ลงในเว็บไซต์หรือแอปหลังจากแก้ไขแท็กใน Google Ads
- ขอข้อมูลโค้ดจากผู้ดูแลเว็บและเพิ่มลงในเว็บไซต์สำหรับทุกคนที่คุณต้องการติดตาม
Marketing Mix Model จะแสดงอะไรต่อผู้ลงโฆษณาบ้าง
- เป็นการวิเคราะห์ที่แสดงผลลัพธ์ที่การทำการตลาดมีต่อยอดขายของแบรนด์
- จะใช้ข้อมูล Conversion เพื่อคำนวณการมีส่วนร่วมของการโต้ตอบแต่ละครั้งในเส้นทาง Conversion
- เป็นวิธีการพิจารณาผลลัพธ์ที่ตัวแปรที่เฉพาะเจาะจงมีต่อกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดสอบ
- จะประเมินมูลค่าทางการตลาดในระยะยาวของลูกค้าเพื่อให้มุมมองด้านประสิทธิภาพที่มีความแม่นยำมากขึ้น
การระบุแหล่งที่มาโดยอิงตามข้อมูลทำงานอย่างไร
- ให้ความสำคัญกับทัชพอยต์ที่เฉพาะเจาะจงและนำตรรกะแบบตายตัวไปใช้กับการกำหนดมูลค่าคงที่ให้กับทัชพอยต์ตลอดเส้นทาง Conversion
- ให้เครดิตตามการกำหนดเองและอาจส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลการเสนอราคาอัตโนมัติ
- ใช้ประโยชน์จากข้อมูลย้อนหลังของบัญชีเพื่อให้เครดิตทัชพอยต์ของโฆษณาที่ให้ผลลัพธ์สูงสุดใน Search, YouTube และ Display
- ใช้ข้อมูลเฉพาะประเทศหรือภูมิภาคเพื่อให้เครดิตทัชพอยต์ของโฆษณาที่สอดคล้องกันหลายรายการในเครือข่าย Search โดยเฉพาะ
ที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลจะอธิบายเกี่ยวกับแท็ก Google ให้กับผู้ลงโฆษณารายใหม่ฟังอย่างไร
- ใช้เพื่อปรับใช้และแก้ไขทั้งแท็ก Google และแท็กจากบุคคลที่สาม
- เป็นเฟรมเวิร์ก JavaScript หรือที่เรียกว่า gtag.js
- เป็นข้อมูลโค้ดแท็กสำหรับ Google Shopping ที่จำเป็นสำหรับการติดตาม
- จะแทนที่ Tag Manager ซึ่งมีข้อมูลที่มีความแม่นยำน้อยกว่า
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดรายหนึ่งกำลังตรวจสอบข้อมูลอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าโฆษณาสามารถเพิ่มยอดขายออนไลน์และสร้างโอกาสในการขายผ่านการลงชื่อสมัครใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด เมื่อผู้จัดการฝ่ายการตลาดเปรียบเทียบข้อมูลของ Google Ads กับข้อมูลออฟไลน์ของตนก็พบว่าจำนวนการลงชื่อสมัครใช้ใน Google Ads กับแหล่งข้อมูลออฟไลน์นั้นแตกต่างกัน สมมติว่าทุกสิ่งทำงานปกติดีและปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีการนับจำนวน Conversion ความคลาดเคลื่อนของข้อมูลนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร
- Google Ads รายงาน Conversion ตามวันที่/เวลาของคลิกที่ทำให้เกิด Conversion แต่อีกแหล่งข้อมูลอาจใช้วันที่/เวลาของตัว Conversion เอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแหล่งข้อมูลแบบใด
- Google Ads รายงาน Conversion ตามรหัสที่ไม่ซ้ำกันของเหตุการณ์ที่นำไปสู่การคลิก แต่อีกแหล่งข้อมูลอาจใช้การคลิกของตัว Conversion เอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแหล่งข้อมูลแบบใด
- Google Ads รายงานการคลิกตามวันที่/เวลาของเหตุการณ์ที่ทำให้เกิด Conversion แต่อีกแหล่งข้อมูลอาจใช้การคลิกของตัว Conversion เอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแหล่งข้อมูลแบบใด
- Google Ads รายงานยอดดูตามประเภทอุปกรณ์ที่ใช้ดูซึ่งไม่ทำให้เกิด Conversion แต่อีกแหล่งข้อมูลอาจใช้วันที่/เวลาของตัว Conversion เอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแหล่งข้อมูลแบบใด
More certification answers: https://en.certificationanswers.com/exams-answers-thai/